หน้าแรก > ช้อป ชิม ชิลล์ @กระบี่ 3 วัน 2 คืน

ช้อป ชิม ชิลล์ @กระบี่ 3 วัน 2 คืน
by Kwanta Thansa 14/04/2018
สถานที่ยอดฮิตที่ผู้คนเดินทางไปพักผ่อนคลายความร้อนในช่วงหน้าร้อนอย่างนี้คงจะหนีไม่พ้น...ทะเล...เป็นแน่แท้ค่ะ...คราวนี้พวกเรามีทริปไปเที่ยวที่จังหวัดกระบี่มานำเสนอค่ะ โดยทริปนี้พวกเราได้ทำการซื้อทัวร์จากตัวแทนจำหน่ายของกระบี่ทิพารีสอร์ทจากในงานไทยเที่ยวไทยค่ะ โดยในโปรแกรมรวมค่าที่พัก อาหารเช้า และพาไปเที่ยวเกาะ 4 เกาะ ค่ะ ส่วนการท่องเที่ยวในตัวเมืองกระบี่นั้นพวกเราใช้บริการของพี่ๆรถตู้ในพื้นที่โดยทำการจองผ่านกับตัวแทนจำหน่ายข้างต้นต่างหาก ส่วนการเดินทางทั้งขาไปและขากลับระหว่าง กทม. กับ กระบี่ นั้นพวกเราใช้บริการของสายการบินไทยสมายล์ค่ะ โดยทริปนี้พวกเราไปถึงที่สนามบินนานาชาติกระบี่ประมาณ 8 โมงเช้า หลังออกจากสนามบินได้ก็เริ่มต้นเดินทางไปเที่ยวที่สระมรกต ซึ่งตั้งอยู่ที่ อ.คลองท่อมเหนือ อ.คลองท่อมเหนือ จ.กระบี่ กันทันทีค่ะ ที่นี่เปิดให้บริการทุกวัน ระหว่างเวลา 9.00 - 17.00 น.
สระมรกตเกิดจากธารน้ำอุ่นของป่าทุ่งเตียวซึ่งถูกจัดเป็นผืนป่าในพื้นที่ราบต่ำของทางภาคใต้ผืนสุดท้าย ตัวสระมีความกว้างประมาณ 25 เมตร ความยาว 20 เมตร และมีความลึก 1.5 - 2 เมตร โดยพวกเราสามารถเดินไปที่สระมรกตได้ 2 เส้นทาง คือ ถ้าใช้เส้นทางที่เดินไปตามถนนซึ่งเป็นดินซึ่งมีความยาวประมาณ 800 เมตร จะทำให้เดินไปถึงตัวสระได้เร็วกว่าการเดินไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่มีความยาวประมาณ 2.7 กิโลเมตร ในครั้งนี้พวกเราตัดสินใจเดินเข้าไปที่สระมรกตโดยผ่านเส้นทางศึกษาธรรมชาติ และใช้เส้นทางที่ถนนเป็นดินเดินกลับออกมาเพื่อที่จะได้ชื่นชมความงดงามของที่นี่ให้ได้มากที่สุด กว่าพวกเราจะเดินสำรวจที่สระมรกตครบก็ใช้เวลากับที่นี่ไปเกือบ 3 ชั่วโมงค่ะ ธรรมชาติของที่นี่ยังคงความสมบูรณ์อยู่มากทีเดียว
น้ำในสระมรกตนี่สีเขียวเข้มสมชื่อจริงๆค่ะ ตอนที่พวกเราไปถึงมีคนลงเล่นน้ำในสระอยู่พอสมควรแล้ว
แน่นอนว่ามาถึงที่นี่แล้วก็ต้องเดินไปดูกันซักหน่อยล่ะค่ะว่า “สระน้ำผุด” ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของสระมรกตนั้นเป็นยังไงค่ะ บอกก่อนเลยนะคะว่าทางเดินไปสระน้ำผุดนั้นค่อนข้างลำบากค่ะ
น้ำใน “สระน้ำผุด” นี้จะมีสีน้ำเงินจากการสะสมของพวกแร่ธาตุบางอย่างที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และพวกเราจะสังเกตได้ว่ามีฟองอากาศผุดขึ้นมาในบ่ออยู่เป็นระยะๆด้วยค่ะ
หลังจากเดินเที่ยวที่นี่เสร็จแล้วพวกเราก็ออกเดินทางไปรับประทานอาหารกลางวันกันที่ร้านอาหาร “บ้านมะหญิง” ซึ่งตั้งอยู่ที่ 10 หมู่ 1 คลองประสงค์ อ.เมือง จ.กระบี่ ในชุมชนเกาะกลางค่ะ โดยพวกเราไปขึ้นเรือที่ท่าเทียบเรือไปตำบลคลองประสงค์ค่ะ ใช้เวลาในการเดินทางเพียง 5 นาทีก็มาถึงร้านอาหารแล้ว
เนื่องจากส่วนใหญ่ของผู้คนที่อาศัยอยู่ที่ชุมชนเกาะกลางนั้นเป็นมุสลิม ดังนั้นอาหารของที่นี่จะค่อนข้างติดหวานไปบ้างนะคะ แต่โดยรวมแล้วอาหารอร่อยใช้ได้ค่ะ ส่วนเรื่องความสดของวัตถุดิบที่นำมาใช้ประกอบอาหารนั้นไม่ต้องพูดถึงค่ะ...สดมาก...เนื่องจากจับพวกสัตว์น้ำที่เลี้ยงเอาไว้ในกระชังขึ้นมาใช้ในการประกอบอาหารกันให้เห็นเลยค่ะ...อาหารในมื้อนี้ของพวกเราก็มี ปลาเก๋าสามรส ต้มยำปลาเก๋า ปูผัดออริกาโน่ ผัดใบเหมียงใส่ไข่ และผลไม้อย่างพวกสับปะรดกับแตงโม...
หลังจากอิ่มอร่อยกับอาหารในมื้อนี้เรียบร้อยแล้วพวกเราก็นั่งเรือกลับขึ้นฝั่งเพื่อเดินทางไปยังวัดถ้ำเสือต่อค่ะ วัดถ้ำเสือนี้ตั้งอยู่ที่ ต.กระบี่น้อย อ.เมือง จ.กระบี่ วัดแห่งนี้มีพื้นที่ประมาณ 200 ไร่ ประกอบไปด้วยพื้นที่ราบ หุบเขา และยอดเขา นอกจากนี้แล้วที่วัดยังมีถ้ำอยู่หลายแห่งอีกด้วย
ที่นี่พวกเราได้ทำพระเครื่องประจำวันเกิดกันเองตรงบริเวณที่ทางวัดได้มีการจัดเตรียมของเอาไว้ให้ และพวกเราได้นำพระเครื่องที่พวกเราทำเองไปถวายเอาไว้ในวัดเพื่อเป็นการขอให้ได้พบพานแต่สิ่งดีๆและเป็นมงคลกับชีวิตด้วยค่ะ...
เนื่องจากหมดแรงจากการเดินสำรวจสระมรกตไปเยอะ พวกเราจึงไม่ได้เดินขึ้นไปยังจุดชมวิวสูงสุดของทางวัดค่ะ...จริงๆแล้วกลัวฝูงลิงที่มีปริมาณมากแถวนี้เข้ามาทำร้ายมากกว่าค่ะ เจ้าจ๋อพวกนี้ทั้งแย่งของและกระโดดขึ้นตัวนักท่องเที่ยวกันเลยทีเดียว...ใครไปเที่ยวที่นี่หรือที่อื่นที่มีลิงเยอะๆ และดูท่าว่าลิงจะไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไรก็ระวังตัวกันด้วยนะคะ...
หลังจากนั้นพวกเราก็ออกเดินทางมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองกระบี่เพื่อไปเดินเล่นกันที่ถนนคนเดิน ซึ่งตั้งอยู่หลังห้างโวค ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.กระบี่ กันค่ะ โดยพวกเราแวะเข้าไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดแก้วโกรวารามซึ่งตั้งเยื้องๆอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับถนนคนเดินก่อนค่ะ วัดแห่งนี้จัดเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี และเป็นวัดประจำจังหวัดด้วยค่ะ ตัววัดถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2443 โดยมีเนื้อที่กว่า 200 ไร่ ทีเดียว
หลังจากชมวัดเรียบร้อยแล้วพวกเราก็เดินไปยังถนนคนเดินกันค่ะ โดยปกติถนนคนเดินของที่นี่เปิดให้บริการระหว่างเวลา 17.00 - 22.00 น. ของวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ของที่นำมาขายส่วนใหญ่จะเป็นพวกของกินของใช้ต่างๆที่พวกเราสามารถเลือกซื้อได้ตามตลาดทั่วๆไปค่ะ และแน่นอนว่าพวกของพื้นเมืองของทางใต้ก็มีมาตั้งขายที่นี่ด้วยเช่นกันค่ะ
พวกเราตัดสินใจซื้อกั้งเผา มะยงชิด ขนมโค (ตัวไส้ของขนมทำมาจากน้ำตาลปึก) และของฝากจากที่นี่ติดไม้ติดมือกลับมาที่ที่พักของพวกเราด้วยค่ะ
พวกเรามาถึงที่ที่พักก็เกือบๆจะทุ่มนึงได้แล้วค่ะจึงยังไม่มีเวลาออกเดินสำรวจโดยรอบที่ “ทิพากระบี่รีสอร์ท” ซึ่งตั้งอยู่ที่ 121/1 หมู่ 2 ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ เท่าไรนัก
ซัก 3 ทุ่ม พวกเราก็ออกไปเดินเล่นรับลมทะเลกันที่อ่าวนางซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พักมากนักก่อนที่จะเข้านอนกันค่ะ ยามค่ำคืนของที่อ่าวนางนี่พอๆกับที่ภูเก็ตกันเลยทีเดียว มีของวางขายเยอะมาก เรียกได้ว่ามาพักแถวนี้ไม่มีเหงาค่ะ
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
เช้าวันรุ่งขึ้นพวกเรารีบมารับประทานอาหารเช้ากันตั้งแต่ 7 โมงเช้าค่ะ เพราะว่าวันนี้จะไปเที่ยวเกาะกัน ห้องอาหารของที่นี่เปิดให้บริการอาหารเช้าตั้งแต่ 6.00 -10.00 น. ไลน์อาหารเป็นบุฟเฟต์แบบนานาชาติค่ะ มีพวกขนมปัง แยม โยเกิร์ต ผลไม้ สลัด แฮม ไส้กรอก และอาหารไทย เป็นต้นค่ะ
อาหารเช้าที่พวกเราเลือกรับประทานวันนี้ค่ะ
ประมาณ 8.30 น.ก็มีรถเล็กท้องถิ่นมารับพวกเราไปที่ท่าเรือของวังทรายสปีดโบ็ทค่ะ พอมาถึงพวกเราก็รายงานตัวรับสายรัดข้อมือ และรอเรียกลงเรือค่ะ ก่อนลงเรือพวกเราก็หาขนมที่ทางนี้จัดเตรียมเอาไว้ให้ลองท้องนิดหน่อยด้วย
โปรแกรมทัวร์ 4 เกาะ นี้พาพวกเราไปเที่ยวที่หาดไร่เลย์บริเวณที่มีศาลพระนางตั้งอยู่ เกาะปอดะ เกาะไก่ และทะเลแหวกค่ะ โดยสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้จัดอยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ซึ่งมีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 242,437.17 ไร่ หรือ 387.90 ตารางกิโลเมตร โดยครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ในทะเลอันดามันด้านทิศตะวันตกของภาคใต้ที่มีความสวยงามของท้องทะเลตามธรรมชาติ มีภูเขาหินปูนที่มีหน้าผาเป็นชั้นๆ มีถ้ำที่สวยงาม ตลอดจนชายหาดเป็นแนวยาว สุสานหอย 75 ล้านปี ก็จัดรวมอยู่ในอุทยานฯ นี้ด้วย ที่แรกที่พวกเราได้ไปเยี่ยมชมก็คือ...อ่าวไร่เลย์...การยืนอยู่บนหาดทรายอันละเอียดในยามที่แสงอาทิตย์สาดส่องลงมายังท้องน้ำทะเลสีครามอันใสสะอาด พร้อมกับมีลมทะเลพัดผ่านตามตัวเบาๆภายใต้ท้องฟ้าสีครามอันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาของที่นี่ช่างน่ารื่นรมย์มากทีเดียวค่ะ...ทำเอาไม่อยากไปที่อื่นต่อเลย...
ที่ถัดมาคือ...เกาะปอดะ...พวกเราแวะรับประทานอาหารกลางวันกันที่นี่ก่อนที่จะออกไปดำน้ำตื้นกันด้วยค่ะ...
อาหารกลางวันของพวกเราค่ะ
ดำน้ำตื้นแถวๆเกาะปอดะ
“เกาะไก่” เป็นจุดหมายถัดไป เนื่องจากตัวเกาะมีรูปร่างคล้ายไก่จึงเป็นที่มาของชื่อเกาะแห่งนี้ค่ะ ที่นี่พวกเราได้แต่แวะดูเกาะและถ่ายรูปกันเฉยๆค่ะ
ทะเลแหวกจัดเป็นจุดหมายปลายทางสุดท้ายของพวกเราในโปรแกรมนี้ค่ะ ตอนที่ไปถึงน้ำทะเลยังลงไม่เยอะมากทำให้มองเห็นเป็นทะเลแหวกที่สามารถเดินเชื่อมต่อกันได้จากชายหาดของทั้ง 3 เกาะ (เกาะทับ เกาะหม้อ และเกาะไก่) ไม่ชัดเจนค่ะ แต่ว่าที่นี่ก็สวยงามและประทับใจพวกเรากันมากทีเดียว ได้มีโอกาสลงไปเล่นกับฝูงปลาจำนวนมากในทะเลใกล้ๆก็คราวนี้เองค่ะ
หลังจากจบโปรแกรมนี้แล้วพวกเราก็กลับไปที่พักกันก่อนที่จะออกไปรับประทานอาหารเย็นกันที่ร้าน Lae Lay Grill ซึ่งตั้งอยู่ที่ 89 หมู่ 3 ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ ค่ะ พวกเราเลือกรับประทานอาหารกันที่นี่เพราะว่าสามารถมองเห็นวิวของอ่าวนางได้ทั้งหมด และรสชาติอาหารก็ถือว่าใช้ได้ทีเดียวถึงแม้ว่าอาหารไทยจะถูกปรับเปลี่ยนให้เข้ากับปากของชาวต่างชาติที่มาเที่ยวเมืองไทยไปแล้วก็ตาม...แน่นอนว่าพวกเราทำการจองเพื่อให้ได้โต๊ะที่ดีที่สุดและเหมาะกับการชมวิวของที่นี่ล่วงหน้าก่อนมาเที่ยวด้วยค่ะ...ที่นี่มีรถบริการไปรับและส่งกลับที่พักฟรีด้วยนะคะ...นอกจากนี้แล้วยังมีนักร้องมาร้องเพลงขับกล่อมให้ได้ฟังกันในยามค่ำคืนด้วยค่ะ...
อาหารที่พวกเราสั่งมารับประทานค่อนข้างหลากหลายเพราะพวกเราเลือกขนาดจานเล็กๆมาลองค่ะ มีทั้งหมูฮ้อง น้ำพริกกุ้งเสียบและผักสด ผัดกุ้งใส่เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ ต้มข่าไก่ แกงกะทิใบเหมียง และแกงจืดลูกชิ้นกุ้งสด
ก่อนกลับพวกเราได้รับไอติมโบราณมาลองคนละแท่งด้วยค่ะ
พอมาถึงที่พักพวกเราก็ออกไปเดินเล่นที่อ่าวนางกันอีกเพื่อเป็นการย่อยอาหารก่อนนอนค่ะ
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
ในวันสุดท้ายของทริปนี้ พวกเราตื่นแต่เช้าเพื่อไปเดินชมชายหาดของอ่าวนางกันบ้างค่ะ ระหว่างทางก็เก็บภาพของรีสอร์ทที่พักมาให้ชมกันด้วยค่ะ
ทิวทัศน์ระหว่างทางเดินไปชายหาดอ่าวนางตอนเช้า...แทบจะไม่ค่อยมีคนออกมาเดินให้เห็นตามท้องถนนเลยค่ะ แต่ว่าถนนหนทางของที่นี่ค่อนข้างสะอาดและเป็นระเบียบมากกว่าแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆที่พวกเราได้มีโอกาสไปเยือนมากทีเดียวค่ะ...
ชายหาดที่นี่ไม่ค่อยสวยค่ะอาจจะเป็นเพราะว่ามีฝนตกในค่ำคืนที่ผ่านมาก็เป็นได้
จากนั้นพวกเราก็แวะเดินไปหาซื้อข้าวหมกไก่เจ้าอร่อยที่คนในพื้นที่แนะนำให้ไปลองค่ะ ร้านนี้ตั้งอยู่หน้าปากซอยอ่าวนาง 15 น่าเสียดายที่วันนี้ไม่มีติ่มซำมาขายค่ะ
พอได้ข้าวหมกไก่แล้วพวกเราก็เดินกลับไปห้องอาหารของทางรีสอร์ทเพื่อรับประทานอาหารเช้ากันค่ะ...อาหารเช้ามื้อนี้ไม่ได้แตกต่างจากของเมื่อวานเท่าไรค่ะ...โชคดีได้ข้าวหมกไก่มาเสริมทัพ...
ประมาณ 9 โมงเช้าพวกเราก็ทำเรื่องออกจากที่พัก จากนั้นก็เดินทางไปชมสุสานหอย 75 ล้านปี ซึ่งตั้งอยู่ที่ ต.ไสไทย อ.เมือง จ.กระบี่ กันค่ะ...น่าเสียดายที่พวกเราไม่ได้เข้าไปชมในตัวสุสานหอยทั้งหมดเนื่องจากว่าช่วงที่ไปถึงนั้นน้ำทะเลกำลังหนุนขึ้นสูงมากค่ะ...ทำให้ได้ชมแต่รอบนอกเท่านั้น...
บริเวณนี้มีของที่ระลึกวางขายเยอะเหมือนกันค่ะ
จากนั้นพวกเราก็แวะซื้อของฝากกันที่ “ร้านจี้ออ” ซึ่งตั้งอยู่ที่ 149 หมู่ 3 ถ.กระบี่-เขาทอง ต.ไสไทย อ.เมือง จ.กระบี่
แวะรับประทานอาหารกลางวันกันที่ “ร้านอาหารเรือนทิพย์” ซึ่งตั้งอยู่ที่ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.กระบี่ ก่อนขึ้นเครื่องบินกลับ กทม. ค่ะ...อาหารของที่นี่อร่อยมาก ทั้งสดและราคาไม่แพงด้วย...ในมื้อนี้พวกเราสั่งยำเรือนทิพย์ (จานนี้แนะนำค่ะอร่อยมาก) หอยชักตีน หอยนางรม และหอยตลับต้มตะไคร้ มารับประทานกันค่ะ...
สุดท้ายนี้อยากบอกว่า...ทริปนี้...ฟินเฟร่ออออ...ลองหาเวลามาเที่ยวที่จังหวัดกระบี่กันบ้างนะคะ...รับรองว่าจะติดใจค่ะ...
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
เผื่อใครอยากเรียกใช้บริการพี่ๆรถตู้ที่นี่ค่ะ
บังฮีม เบอร์ 0846979882
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@